1. ประเทศตุรกี
ดินแดนไก่งวง เป็นอีกหนึ่งประเทศที่ทางรัฐบาลได้สนับสนุนให้มีการมอบทุนแก่นักศึกษาชาวต่างชาติจากทั่วโลกที่ต้องการเข้ามาศึกษาต่อในระดับปริญญาตรีฟรี และไม่ต้องใช้ทุนคืนเมื่อสำเร็จการศึกษาแล้ว ทำให้มีผู้สนใจสมัครเยอะพอสมควร ซึ่งทุนเรียนฟรีที่ประเทศตุรกีมอบให้นี้เรียกว่า “T?rkiye Scholarships” โดยจะมีทุนตั้งแต่เลือกเรียนคณะใด สาขาใดก็ได้ (Bosphorus Undergraduate Scholarship Program) ไปจนถึงกำหนดประเภทของทุนอย่างเช่น T?rkiye Scholarships Undergraduate Programme Applications for 2014 ที่ให้เลือกประเภทของทุนด้วย เช่น
– Regional Undergraduate Scholarship Programmes
– Ibn-i Sina Medical Sciences Scholarship Programme
– Yunus Emre Turkish Language Scholarship Programme
– Islamic Theology Scholarship Programme
รายละเอียดทุน
ค่าเล่าเรียนเต็มจำนวนตลอดหลักสูตรปริญญาที่เลือก ค่าเล่าเรียนภาษาตุรกีเป็นเวลา 1 ปี ค่าหอพัก ค่าประกันสุขภาพ ค่าตั๋วเครื่องบินไปกลับ และค่าใช้จ่ายรายเดือน เดือนละประมาณ 250 USD ประมาณ 8,098 บาทไทย ซึ่งบางปีอาจฟรีค่าที่พัก เมื่อนักศึกษาตกลงพักกับหอพักรัฐบาล ซึ่งจะให้พักหอในของสถานศึกษาที่ผู้ได้ทุนเลือก หรือหอใกล้สถานศึกษาที่สุดที่อยู่ในระดับเดียวกัน
เงื่อนไข และ ข้อมูลเพิ่มเติม
– อายุต่ำกว่า 21 ปี จบระดับมัธยมศึกษาตอนปลายแล้ว
– มีเกรดเฉลี่ยที่จบมาไม่ต่ำกว่า 90% สำหรับผู้สมัครที่ต้องการสมัครในสาขาวิทยาศาสตร์การแพทย์ และไม่ต่ำกว่า 70% สำหรับผู้สมัครที่ต้องการสมัครในสาขาอื่นๆ
– หลักสูตรส่วนมากสอนเป็นภาษาตุรกี ซึ่งหากได้รับทุน จะต้องเข้าเรียนหลักสูตรภาษาตุรกีก่อนเป็นเวลา 1 ปี แต่มีบางหลักสูตรที่สอนเป็นภาษาอังกฤษ ฝรั่งเศส หรือเยอรมัน ซึ่งหากผู้สมัครต้องการเรียนในหลักสูตรที่ไม่ใช่ภาษาตุรกี จะต้องมีเอกสารหรือผลสอบแสดงความสามารถทางภาษานั้นๆ ยื่นประกอบการสมัครด้วย
– สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ “การเขียนเรียงความ” ที่ต้องแนบไปพร้อมกับใบสมัครถือเป็นตัวชี้วัดเลยว่าคุณสมควรจะเป็นผู้ได้รับทุนนี้หรือไม่
– ผู้สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ : https://basvuru.turkiyeburslari.gov.tr/en) และ http://www.turkiyeburslari.gov.tr/index.php/en/
– ผู้สนใจจะต้องคอยเช็กว่าแต่ละปีจะมีมหาวิทยาลัย คณะ และสาขาใดบ้างที่เปิดรับสมัคร
2. ประเทศเกาหลี
นอกจากเกาหลีจะเป็นประเทศสวยงามแล้ว การศึกษาของประเทศเกาหลีก็ยังอยู่ในอันดับต้นๆ ของเอเชียอีกด้วย ทางรัฐบาลเกาหลีได้ให้การสนับสนุนและส่งเสริมในด้านการศึกษาเป็นอย่างมาก โดยให้ทุนแก่นักศึกษาจากต่างประเทศได้มีโอกาสเข้ามาศึกษาต่อยังมหาวิทยาลัยในประเทศเกาหลีเป็นประจำทุกปี โดยทุนดังกล่าวเป็นทุนที่จะช่วยส่งเสริมประเทศกำลังพัฒนา อย่างทุนเรียนฟรีจาก “Catholic University of Korea หรือ มหาวิทยาลัยคาทอลิก” เป็นทุนการศึกษาในระดับปริญญาตรี ซึ่งอาจจะต้องแข่งขันกันอยู่สักหน่อย เพราะแต่ละปีก็จะมีทุนเรียนฟรีดีๆ แบบนี้มาไม่กี่ทุนเท่านั้น
รายละเอียดทุน
ผู้ที่ได้รับคัดเลือกจะได้รับทุนที่ครอบคลุมค่าเล่าเรียน ค่าที่พัก และค่าใช้จ่ายรายเดือนเป็นเงิน 250,000 วอน (7,962 บาทไทย) ต่อเดือน เป็นเวลา 4 ปี จนจบการศึกษา
เงื่อนไข และ ข้อมูลเพิ่มเติม
– จะต้องจบการศึกษาในระดับมัธยมปลายแล้ว หรือกำลังจะจบ มีความสนใจในด้านการศึกษาคาทอลิก และเกาหลีศึกษาเป็นพิเศษ เกรดเฉลี่ยรวม 3.0 เป็นต้นไป และมีผลสอบอย่างใดอย่างหนึ่งต่อไปนี้ TOEFL iBT 80 คะแนนขึ้นไป / IELTS 5.5 คะแนนขึ้นไป / TOPIK ระดับ 3 ขึ้นไป ที่สำคัญผู้ที่จะสามารถผ่านการคัดเลือกเป็นผู้รับทุนได้นั้นจะต้องเขียน “เรียงความบอกเล่าประวัติแนะนำตนเอง แผนการศึกษา และเป้าหมายในอนาคต” ให้ตรงใจคณะกรรมการในการคัดเลือก ซึ่งเอกสารทั้งหมดต้องอยู่ในรูปภาษาเกาหลีหรือภาษาอังกฤษเท่านั้น
– ผู้สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ : http://www.catholic.ac.kr/~cukintl/eng/news.html
– ผู้สนใจจะต้องคอยเช็กว่าแต่ละปีจะมีมหาวิทยาลัย คณะ และสาขาใดบ้างที่เปิดรับสมัคร
3 ประเทศญี่ปุ่น
เป็นอีกหนึ่งประเทศที่เหล่าบรรดานักเรียน-นักศึกษาใฝ่ฝันอยากจะไปศึกษาต่อ ประเทศที่ใครๆ ต่างร่ำลือกันว่าค่าใช้จ่ายรวมถึงค่าครองชีพในมหาวิทยาลัยนั้นค่อนข้างสูง แต่ประเทศญี่ปุ่นก็ยังเปิดโอกาสให้ทุนการศึกษาฟรีในระดับปริญญาตรี ผ่านทางกระทรวงศึกษาธิการ วัฒนธรรม กีฬา วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี ประเทศญี่ปุ่น ให้แก่นักเรียนต่างชาติเป็นประจำทุกปี ซึ่งทางรัฐบาลญี่ปุ่นก็ได้มอบทุนเรียนฟรีให้กับประเทศไทยเช่นเดียวกัน โดยในปีนี้เป็นทุนการศึกษาประจำปี 2558 เริ่มเปิดรับสมัครช่วงเดือนมิถุนายน 2557 ที่ผ่านมา โดยเปิดรับสมัครทั้งหมด 5 สาขาวิชาดังนี้ สาขาสังคมศาสตร์, มนุษยศาสตร์, วิทยาศาสตร์ธรรมชาติ, แพทย์ และเภสัชศาสตร์ โดยสามารถเลือกเรียนในมหาวิทยาลัยใดก็ได้ในประเทศญี่ปุ่น
เป็นอีกหนึ่งประเทศที่เหล่าบรรดานักเรียน-นักศึกษาใฝ่ฝันอยากจะไปศึกษาต่อ ประเทศที่ใครๆ ต่างร่ำลือกันว่าค่าใช้จ่ายรวมถึงค่าครองชีพในมหาวิทยาลัยนั้นค่อนข้างสูง แต่ประเทศญี่ปุ่นก็ยังเปิดโอกาสให้ทุนการศึกษาฟรีในระดับปริญญาตรี ผ่านทางกระทรวงศึกษาธิการ วัฒนธรรม กีฬา วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี ประเทศญี่ปุ่น ให้แก่นักเรียนต่างชาติเป็นประจำทุกปี ซึ่งทางรัฐบาลญี่ปุ่นก็ได้มอบทุนเรียนฟรีให้กับประเทศไทยเช่นเดียวกัน โดยในปีนี้เป็นทุนการศึกษาประจำปี 2558 เริ่มเปิดรับสมัครช่วงเดือนมิถุนายน 2557 ที่ผ่านมา โดยเปิดรับสมัครทั้งหมด 5 สาขาวิชาดังนี้ สาขาสังคมศาสตร์, มนุษยศาสตร์, วิทยาศาสตร์ธรรมชาติ, แพทย์ และเภสัชศาสตร์ โดยสามารถเลือกเรียนในมหาวิทยาลัยใดก็ได้ในประเทศญี่ปุ่น
รายละเอียดทุน
ทุนการศึกษานี้มีระยะเวลาทั้งหมด 6-7 ปี สำหรับผู้สมัครที่เลือกในสาขา แพทยศาสตร์ ทันตแพทย์ สัตวแพทย์ และเภสัชศาสตร์ ที่ต้องเรียน 6 ปี รวมคอร์สภาษาญี่ปุ่นอีก 1 ปี ก็จะใช้เวลารวม 7 ปี ได้รับค่าใช้จ่ายทั้งหมดจนจบปริญญาตรี ค่าตั๋วเครื่องบินไปกลับประเทศญี่ปุ่น และค่าใช้จ่ายรายเดือน 117,000 เยน หรือประมาณ 37,000 บาท และต้องทำวีซ่าที่เรียกว่า “College Student” ryugaku, visas ที่สถานทูตญี่ปุ่นในประเทศตน ก่อนเดินทางไปญี่ปุ่น หากผ่านการคัดเลือกแล้ว
เงื่อนไข และ ข้อมูลเพิ่มเติม
– สัญชาติไทย มีอายุระหว่าง 17-21 ปี มีเกรดเฉลี่ย 3.80 ขึ้นไป (เกรดเฉลี่ย 3.50 ต้องผ่านการวัดระดับภาษาญี่ปุ่น 3 หรือ 4 ถ้าเกรดเฉลี่ย 3.30 ต้องผ่านการวัดระดับภาษาญี่ปุ่น 1 หรือ 2) และต้องสอบข้อเขียนเป็นภาษาอังกฤษในแต่ละสาขาวิชาที่เลือกด้วย เอกสารทุกอย่างต้องอยู่ในรูปแบบภาษาอังกฤษหรือภาษาญี่ปุ่น
– ผู้สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ : www.mext.go.jp/a_menu/koutou/ryugaku/boshu/1346539.htm
– ผู้สนใจจะต้องคอยเช็กว่าแต่ละปีจะมีมหาวิทยาลัย คณะ และสาขาใดบ้างที่เปิดรับสมัคร
4. ประเทศจีน
สาธารณรัฐประชาชนจีน และประเทศไทย ที่มีความสัมพันธ์อันดีมายาวนาน ผูกพันทั้งทางเชื้อชาติ ศาสนา และวัฒนธรรม ในช่วงระยะเวลาเพียง 10 ปี รัฐบาลจีนและไทยมีความร่วมมือและข้อตกลงในหลายๆ ด้านร่วมกัน และเพื่อสานความสัมพันธ์ระหว่างชาวจีนและคนทั่วโลก ทางรัฐบาลได้มอบหมายให้กระทรวงศึกษาจีน Ministry of Education of China (MOE) จัดตั้งทุนการศึกษาให้กับนักศึกษาชาวต่างชาติ เพื่อสนับสนุนการแลกเปลี่ยนและสร้างความเข้าใจทางการศึกษาระหว่างประเทศ และความร่วมมือทางการศึกษาไทย-จีน ทั้งในระดับปริญญาตรี โท และเอก มีทุนเรียนฟรีดีๆ ให้กับนักศึกษาจากประเทศไทยอยู่เป็นประจำ
รายละเอียดทุน
ทุนในระดับปริญญาตรี 4-5 ปี (พร้อมหลักสูตรเสริมทักษะภาษาจีน 1-2 ปี) รวมทุนที่จะได้รับทั้งหมด 4-7 ปี มีทั้งทุนเต็มจำนวน (Full Scholarships) และทุนบางส่วน (Partial Scholarships) กรณีเป็นทุนเต็มจำนวน จะได้รับยกเว้นค่าธรรมเนียมในการสมัครเรียน ค่าเรียน ค่าใช้จ่ายในการทำการทดลองระหว่างศึกษา ค่าอุปกรณ์ต่างๆ และมีเงินเดือนให้ทุกเดือน คิดเป็นเงินหยวน (CNY Yuan per month) ประมาณ เดือนละ 1,700 หยวน หรือประมาณ 8,971 บาทต่อเดือน
เงื่อนไข และ ข้อมูลเพิ่มเติม
– ผู้สมัครจะต้องไม่ใช่พลเมืองจีน อายุไม่เกิน 25 ปี มีผลการเรียนในระดับมัธยมศึกษาตอนปลายอยู่ในเกณฑ์ดี ต้องผ่านการสอบของมหาวิทยาลัยต่างๆ ในประเทศจีน หรือได้รับการตอนรับจากทางมหาวิทยาลัยโดยผ่านการแนะนำรับรอง
– ดูรายชื่อมหาวิทยาลัยที่เข้าร่วมโครงการทุนการศึกษาได้ที่ : http://en.csc.edu.cn/
– Xiamen University Scholarships 2014 www.csc.edu.cn/laihua/universitysearchen.aspx
– ผู้สนใจจะต้องคอยเช็กว่าแต่ละปีจะมีมหาวิทยาลัย คณะ และสาขาใดบ้างที่เปิดรับสมัคร
5. ประเทศฟินแลนด์
ประเทศ ฟินแลนด์ ถือว่าเป็นประเทศที่มีระบบการศึกษาดีที่สุดในโลก และสถิติทางการศึกษาที่น่าสนใจก็คือ มีนักเรียนของประเทศฟินแลนด์จำนวน 66% เข้าเรียนต่อระดับมหาวิทยาลัย ถือว่าเป็นตัวเลขที่สูงสุดในทวีปยุโรป ประเทศฟินแลนด์จึงเป็นอีกหนึ่งประเทศที่น่าสนใจ หนึ่งตัวเลือกที่ควรนำมาพิจารณาเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศชื่อดังอย่าง อังกฤษ อเมริกา และออสเตรเลีย ซึ่งมีมาตรฐานไม่แพ้กัน และที่สำคัญประเทศฟินแลนด์เปิดโอกาสให้นักศึกษาต่างชาติสามารถเรียนฟรีใน ระดับปริญญาได้โดยมีสิทธิเท่าเทียมกับพลเมืองในประเทศ สามารถสมัครเข้าเรียนได้เหมือนมหาวิทยาลัยทั่วไป ถ้าทางมหาวิทยาลัยตอบรับก็จะเข้าไปศึกษาต่อได้เลยโดยที่ไม่ต้องขอทุน แต่ไม่ใช่ว่าทุกมหาวิทยาลัยในประเทศฟินแลนด์ที่จะเปิดให้เรียนฟรี เพราะมีเพียงบางสถาบันเท่านั้น
รายละเอียดทุน
ค่าเล่าเรียนฟรีเต็มจำนวนการศึกษาในระดับปริญญาตรีของแต่ละคณะ มหาวิทยาลัยส่วนใหญ่จะไม่ออกค่าครองชีพและค่าที่พักให้ นักเรียนต่างชาติจึงต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในส่วนนี้เอง ซึ่งจะอยู่ที่ประมาณเดือนละ 4,500-6,000 FIM คิดเป็นเงินไทยประมาณ 30,000-40,000 บาทต่อเดือน มหาวิทยาลัยในฟินแลนด์ส่วนมากเริ่มเปิดรับสมัครในเดือนมกราคม
เงื่อนไข และ ข้อมูลเพิ่มเติม
– ยื่นหลักฐานการสมัครที่มหาวิทยาลัยโดยตรง ไม่มีเอเยนซีใดๆ ถ้ามหาวิทยาลัยตอบรับ ก็จะส่งเอกสารประกอบการขอวีซ่ามาให้ เช่น หนังสือตอบรับการเข้าเรียน, เอกสารการจองที่พัก (หลักประกันว่าเรามีที่อยู่แน่นอน)
– ต้องมีเงินฝากในบัญชีธนาคาร ซึ่งเรียกว่า “Living Cost” เพื่อยืนยันคุณมีเงินทุนเพียงพอสำหรับค่าครองชีพ โดยปกติไม่น้อยกว่า 6,000 ยูโร ต่อปี หรือ 500 ยูโรต่อเดือน เพื่อเป็นหลักฐานประกอบการขอวีซ่า
– นักเรียนต่างชาติยังต้องสมัครวีซ่าระยะยาวหรือใบอนุญาตมีถิ่นที่อยู่ เรียกว่า “resident permit” เพื่อจะเรียนที่นั้นได้
– ปริญญาตรีส่วนใหญ่จะใช้ “ภาษาฟินนิช” ในการเรียนการสอน ดังนั้นผู้ที่จะไปศึกษาต่อควรเตรียมตัวด้านภาษาให้พร้อม
– เงื่อนไขสำคัญที่จะทำให้คุณเป็นผู้ถูกเลือกนั่นก็คือ “การเขียนจดหมายแนะนำตัว” ให้น่าสนใจและมีจุดเด่น ถึงจะผ่านการคัดเลือกจากทางมหาวิทยาลัยได้
– อีกหนึ่งอุปสรรคที่สำคัญมากในการตัดสินใจไปเรียนต่อประเทศในแถบสแกนดิเนเวียนั่นก็คือ “สภาพอากาศที่หนาวเย็นมาก” ต้องตัดสินใจให้ดี
ตัวอย่างรายชื่อมหาวิทยาลัยในประเทศฟินแลนด์ที่เปิดให้เรียนฟรี
มหาวิทยาลัยในประเทศฟินแลนด์เปิดในนักศึกษาจากต่างประเทศสามารถไปศึกษาต่อในระดับปริญญาตรีเป็นจำนวนมาก เช่น
– University of Tampere (www.uta.fi)
– University of Lapland (www.ulapland.fi/)
– University of Helsinki (www.helsinki.fi)
– Finnish Academy of Fine Arts (www.kuva.fi/)
– University of Vassa (www.uva.fi)
– Abo Akademi University (www.abo.fi/public/en/)
– Tampere University of Technology (www.tut.fi/en/)
6. ประเทศนอร์เวย์
ประ เทศนอร์เวย์ถือเป็นประเทศที่มีคุณภาพชีวิต และคุณภาพการศึกษาติดอันดับต้นๆ ของโลก แถมรัฐบาลยังช่วยส่งเสริมการศึกษาของนักเรียนอย่างเต็มที่ และยังเป็นอีกหนึ่งประเทศในแถบสแกนดิเนเวียที่เปิดโอกาสให้นักศึกษาจากต่าง ประเทศเข้าศึกษาต่อในระดับปริญญาตรีฟรี ซึ่งทั้งนอร์เวย์ และฟินแลนด์เป็นประเทศรัฐสวัสดิการ ไม่ใช่แค่ดูแลเด็กภายในประเทศเท่านั้นแต่รัฐบาลยังดูแลเด็กจากต่างชาติอีก ด้วย แม้ว่าจะมีข่าวลืออยู่เรื่อยๆ ว่าจะเริ่มเก็บค่าเล่าเรียนแล้ว แต่ปัจจุบันทั้งสองประเทศนี้ก็ยังเปิดให้เรียนฟรีตามปกติ
รายละเอียดทุน
เหมือนกับประเทศฟินแลนด์คือ ค่าเล่าเรียนฟรีเต็มจำนวน ซึ่งระบบการศึกษาในประเทศนอร์เวย์ระดับปริญญาตรีจะใช้เวลาเรียน 3 ปี และปริญญาโท 2 ปี จะไม่ออกค่าครองชีพและค่าที่พักให้ นักศึกษาจึงต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในส่วนนี้เอง ค่าครองชีพที่นอร์เวย์จะตกอยู่ที่ประมาณเดือนละ 45,000 บาทขึ้นไป มหาวิทยาลัยในนอร์เวย์ส่วนมากเริ่มเปิดรับสมัครในเดือนพฤศจิกายนเป็นต้นไป
เงื่อนไข และ ข้อมูลเพิ่มเติม
– ยื่นหลักฐานการสมัครที่มหาวิทยาลัยโดยตรง ไม่มีเอเยนซีใดๆ ถ้ามหาวิทยาลัยตอบรับ ก็จะส่งเอกสารประกอบการขอวีซ่ามาให้ เช่น หนังสือตอบรับการเข้าเรียน, เอกสารการจองที่พัก (หลักประกันว่าเรามีที่อยู่แน่นอน)
– ต้องมีเงินฝากธนาคารของประเทศนอร์เวย์ ซึ่งเรียกว่า “Living Cost” เพื่อยืนยันคุณมีเงินทุนเพียงพอสำหรับค่าครองชีพ โดยปกติไม่น้อยกว่า 6,000 ยูโร (ประมาณ 265,410 บาท) ต่อปี หรือ 500 ยูโร (ประมาณ 22,117 บาท) ต่อเดือน เพื่อเป็นหลักฐานประกอบการขอวีซ่า
– นักเรียนต่างชาติยังต้องสมัครวีซ่าระยะยาวหรือใบอนุญาตมีถิ่นที่อยู่ เรียกว่า “resident permit” เพื่อจะเรียนที่นั้นได้
– เงื่อนไขสำคัญที่จะทำให้คุณเป็นผู้ถูกเลือกนั่นก็คือ “การเขียนจดหมายแนะนำตัว” ให้น่าสนใจและมีจุดเด่น ถึงจะผ่านการคัดเลือกได้
รายชื่อมหาวิทยาลัยในประเทศนอร์เวย์ที่เปิดให้เรียนฟรี
– University of Oslo (www.uio.no/)
– University of Bergen (www.uib.no)
– Norwegian University of Science and Technology (www.ntnu.edu/)
– University of Troms? (en.uit.no/)
– University of Stavanger (www.uis.no/)
– University Centre in Svalbard (www.unis.no/)
7. สาธารณรัฐมาซิโดเนีย
หลายคนคงไม่คุ้นหูหรือไม่รู้จัก “สาธารณรัฐมาซิโดเนีย” เป็นประเทศขนาดเล็กตั้งอยู่ในคาบสมุทรบอลข่าน โดยมีประชากรเพียง 2 ล้านกว่าคนเท่านั้น เป็นดินแดนที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติอย่างเช่นแร่ธาตุ และถ่านหิน รัฐบาลสาธารณรัฐมาซิโดเนีย ได้มอบทุนการศึกษาให้แก่นักเรียนต่างชาติรวมถึงนักเรียนไทย เพื่อให้ศึกษาต่อระดับปริญญาตรี เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม และสนับสนุนให้ในด้านการศึกษาอย่างเต็มที่ ถ้าใครที่ชอบความสงบประเทศเล็กๆ อย่าง สาธารณรัฐมาซิโดเนีย ก็เป็นตัวเลือกที่ดีตัวเลือกหนึ่งสำหรับการไปศึกษาต่อ
ทุนการศึกษาของกระทรวงการศึกษาและวิทยาศาสตร์ ของประเทศมาซิโดเนียนี้ มีทั้งหมด 15 ทุน โดยผู้สนใจสามารถเลือกเรียนมหาวิทยาลัยไหนก็ได้ในประเทศมาซิโดเนีย ครอบคลุมหลักสูตรปริญญาตรีในทุกสาขาวิชา
รายละเอียดทุน
ครอบคลุมค่าเล่าเรียนเต็มจำนวน ค่าธรรมเนียมวีซ่าและใบอนุญาตถิ่นที่อยู่ ค่าโดยสารเครื่องบิน ค่าที่พักและอาหาร ค่าใช้จ่ายรายเดือนเพิ่มเติม 5,000 ดีนาร์มาซิโดเนีย (ประมาณ 3,624 บาท) ค่าเรียนภาษามาซิโดเนีย เพราะผู้สมัครที่ได้รับเลือกให้รับทุนการศึกษาต้องเรียนภาษามาซิโดเนียช่วงฤดูร้อน ในการเตรียมความพร้อมก่อนเริ่มต้นภาคเรียนฤดูใบไม้ร่วงของปีการศึกษานั้นๆ
เงื่อนไข และ ข้อมูลเพิ่มเติม
– ระยะเวลาการให้ทุน 4 ปี เป็นทุนการศึกษาที่มอบให้เป็นรายปี ดังนั้นผู้ที่ได้รับทุนจะต้องมีผลการเรียนอยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจทุกภาคการศึกษาตลอดหลักสูตร, อายุไม่เกิน 28 ปี จบการศึกษาระดับมัธยมศึกษาเป็นอย่างน้อย และมีความเชี่ยวชาญในด้านภาษาอังกฤษ
– ผู้สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ : www.uist.edu.mk และ www.ohrid.gov.mk
– มหาวิทยาลัย University for Information Technology หรือมหาวิทยาลัย St Paul the Apostle (UIST) เมือง Ohrid เป็นมหาวิทยาลัยด้านสารสนเทศและเทคโนโลยี มีทุนเรียนฟรีสำหรับนักศึกษาชาวต่างชาติ โดยมอบทุนศึกษาต่อในระดับปริญญาตรีให้กับประเทศไทยเป็นประจำทุกปี โดยในปีการศึกษา 2557/2558 หมดเขตรับสมัครวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ.2557 เปิดรับสมัครทั้งหมด 7 สาขาวิชา คือ
(1) Faculty of Communication Networks and Security (CNS)
(2) Faculty of Computer Science and Engineering (CSE)
(3) Faculty of Information Systems, Visualization, Multimedia and Animation (ISVMA)
(4) Faculty of Information and Communication Science (ICS)
(5) Study Program of Digital Business Informatics (DBI)
(6) Faculty of Applied IT, Machine Intelligence and Robotics (AITMIR)
(7) Study Program of E-Government, E-Business and E-Culture
รายละเอียดทุน
ทุนการศึกษาครอบคลุมค่าเล่าเรียน ค่าธรรมเนียมการตรวจลงตรา (VISA) และ Resident Permit ค่าบัตรโดยสารเครื่องบินไป – กลับ ค่าหอพักและอาหารสามมื้อ ประกันสุขภาพ และเบี้ยเลี้ยงเดือนละประมาณ 82 ยูโร (ประมาณ 3,624 บาท) โดยที่มหาวิทยาลัยแห่งนี้จะทำการเรียนการสอนเป็นภาษาอังกฤษ การเขียนเอกสารการสมัครข้อมูลประจำตัวเอกสารจะต้องเป็นภาษาอังกฤษเท่านั้น
เงื่อนไข และ ข้อมูลเพิ่มเติม
– ระยะเวลาการให้ทุน 4 ปี, เอกสารแสดงผลสอบทางภาษาอังกฤษ เช่น IELTS (6.5 ขึ้นไป) , TOEFL iBT(80 คะแนนขึ้นไป) , GCSE , IGCSE . SAT เป็นทุนการศึกษาที่มอบให้เป็นรายปี ดังนั้นผู้ที่ได้รับทุนจะต้องมีผลการเรียนอยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจทุกภาคการศึกษาตลอดหลักสูตร, อายุไม่เกิน 22 ปี จบการศึกษาระดับมัธยมศึกษาเป็นอย่างน้อย และมีความเชี่ยวชาญในด้านภาษาอังกฤษ
– ผู้สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ : www.uist.edu.mk และ www.ohrid.gov.mk
– ผู้สนใจจะต้องคอยเช็กว่าแต่ละปีจะมีมหาวิทยาลัย คณะ และสาขาใดบ้างที่เปิดรับสมัคร