IELTS เป็นอีกปัญหาของหลาย ๆ คนที่อยากมาเรียนต่อ วันนี้มาทำความรู้จักกับมันกันดีกว่า
ทั่วไป
- ไอเอลแบ่งออกเป็น 4 พาร์ท ใช้เวลาสอบ 2 ชั่วโมง 45 นาที
- ไอเอลมีให้เลือกแบบ academic(สำหรับคนที่จะเรียนต่อ ทุกระดับการศึกษา) และ general(ง่ายกว่าส่วน reading และ writing…ใช้สำหรับสมัครงาน และขอวีซ่าบางประเภท)
- ข้อสอบไอเอลที่สอบในวันเดียวกันทั่วโลกเป็นชุดเดียวกัน (เพราะฉะนั้นไม่ต้องคาดหวังว่าที่ไทยจะง่ายกว่า)
- ตัวแทนไอเอลที่ไทยมีแค่ IDP และ BritishCouncil เท่านั้น
- ไอเอลคะแนนเต็ม 9
- คะแนนจะออกหลังจากการสอบสองอาทิตย์
- ตามกฎใหม่แล้ว สามารถสมัครสอบได้เลยไม่ต้องรอสามเดือน
มาทำความรู้จักกับแต่ละ part ของ IELTS กัน
Listening
- ใช้เวลาฟังประมาณ 20 นาที เขียนลงกระดาษคำตอบอีก 10 นาที
- พาร์ทนี้แบ่งเป็น 4 พาร์ทย่อย รวม 40 ข้อ
- จะเริ่มจากง่ายไปหายาก
- พาร์ทแรกจะเป็นเหตุการณ์ทั่ว ๆ ไปในชีวิตประจำวัน หรือการติดต่อแบบง่าย ๆ (ส่วนใหญ่เป็นจองทัวร์ไปเที่ยว, ย้ายบ้านใหม่, การนัดหมาย…เป็นบทสนทนาระหว่างคนสองคนขึ้นไป…การตอบส่วนใหญ่จะเป็นชื่อ เบอร์โทรศัพท์ อีเมลล์ ที่อยู่ หรือศัพท์พื้นฐานไม่ยาก…แต่ส่วนใหญ่เป็นแบบเติมคำ)
- พาร์ทที่สอง จะเป็นคนเดียวพูด อาจเกี่ยวกับข่าว,เหตุการณ์ต่าง ๆ,ประสบการณ์ชีวิต ฯลฯ (ส่วนนี้อาจมีทั้งเติมคำและตัวเลือกผสมกัน)
- พาร์ทที่สาม เป็นเรื่องเกี่ยวกับการเรียน การทำงาน ฝึกงาน ฯลฯ (จะเป็นการสนทนาของบุคคลมากกว่าสองคน อาจมากถึงสี่คน) เช่น พูดถึงการทำรายงาน,การหางานหลังเรียนจบ
- พาร์ทสุดท้าย ยังคงเป็นแนววิชาการ ส่วนใหญ่จะเป็นคนพูดคนเดียวเกี่ยวกับเนื้อหาทางวิชาการที่ไม่ยากนัก (ส่วนใหญ่คำตอบเป็นตัวเลือก)
เคล็บลับในส่วนนี้
- ดูแลเรื่องตัวใหญ่ เวลาเป็นชื่อคน ชื่อเมืองถ้าเทปสะกดให้ต้องถูกต้องตามนั้น (ถ้าพูดลอย ๆ สะกดผิดยังคงได้คะแนน ถ้าอ่านออกมาเป็นตามเทปพูด)
- วิธีฝึกคือฟังข่าว,ดูหนัง(ปิดซับ),ฟังเพลง ภาษาอังกฤษ แล้วเขียนตาม
- ฟังเสียงจากตัวอย่างข้อสอบเก่าบ่อย ๆ ให้ชิน โดยเฉพาะสองพาร์ทหลัง พยายามเก็บรายละเอียดให้ได้ว่าเขาพูดเรื่องอะไร
- ระหว่างทำข้อสอบ…จำใจความอะไรได้ เขียนลงกระดาษคำถามไว้เรื่อย ๆ กันเหม่อลอย แล้วจะหลุดยาวไปเลย
Reading
- แบ่งออกเป็น 3 ส่วน รวมทั้งหมด 40 คำถาม ใช้เวลาประมาณ 60 นาที
- จะเริ่มจากง่ายไปยากเช่นเดียวกับ listening
- ทั้งสามเรื่องจะเป็นเรื่องทั่ว ๆ ไป ที่เอามาจากบทความวิชาการ(ง่าย ๆ), หนังสือพิมพ์ หรือ นิตยสาร
- ในสามเรื่อง อาจมีเรื่องที่ใส่กราฟ หรือรูปภาพ ประกอบบทความ ในส่วนที่บทความใช้ศัพท์เฉพาะที่ยากมาก ๆ
- พาร์ทนี้ต้องทำไปตอบไป เพราะไม่มีเวลาเพิ่มให้เหมือน listening
เคล็ดลับในส่วนนี้
- เริ่มจากอ่านข่าวในหนังสือพิมพ์ (วันละหัวข้อก็ยังดี)
- ดูหนังปิดเสียง อ่านศัพท์เอาแทน (เพื่อเรียนรู้ศัพท์ให้มาก ๆ)
- อ่านบทความภาษาอังกฤษมาก ๆ (อ่านผ่าน ๆ แล้วจับใจความก็พอ)
- จดศัพท์ใหม่ ๆ ทุกครั้งที่เจอ (การรู้ศัพท์มาก ๆ จะช่วยได้มาก ในพาร์ทนี้)
- เวลาทำข้อสอบ อย่าพยายามอ่านให้เข้าใจทุกประโยค
- ให้เริ่มจากอ่านคำถามก่อน แล้ววงไว้ว่า ต้องหาอะไรให้เจอบ้าง จากนั้นจึงไปหาคำตอบในเนื้อเรื่อง (ไม่งั้นไม่มีทางอ่านทัน)
Writing
- มีเวลาเขียนสองพาร์ทรวม 60 นาที
- ส่วนแรก 150 คำ(ต้องบังคับตัวเองให้ใช้เวลาส่วนนี้ 20 นาที) แล้วอีก 40 นาทีที่เหลือ กับ 250 คำของส่วนหลัง
- ส่วนแรกจะเป็นให้อธิบายกราฟ,ตาราง ฯลฯ ให้เขียนในรูปแบบรายงาน มีการเปรียบเทียบความเหมือนและแตกต่าง เขียนถึงตัวเลขที่มากที่สุด และน้อยที่สุด เวลาเริ่มต้น ให้เขียนว่า เป็นกราฟเกี่ยวกับอะไร ช่วงระหว่างปีอะไร มีแกน x,y ประกอบด้วยอะไรบ้าง และข้อมูลมาจากหน่วยงานไหน ก่อนจะเข้าสู่รายละเอียด ส่วนตอนสรุป ก็ให้เขียนว่าจุดเด่นที่แตกต่างของภาพคืออะไร (“อย่า”ใส่ความคิดคาดคะเนไปเองว่ากราฟอาจเป็น บลา บลา บลา ในอนาคต)…หรือ…
- อาจจะเป็นการอธิบายอธิบายการทำงานของวงจรอะไรซักอย่าง…ถ้าได้แบบนี้ ให้เขียนเรียงเป็น step 1,2,3… โดยขึ้นต้นว่า มันคือการทำงานของอะไร มีอะไรเป็นส่วนประกอบบ้าง ก่อนจะเริ่มบอกรายละเอียด
- สำหรับ task 2 จะเป็นการเขียนรายงานอย่างง่าย 250 คำ เนื้อหาจะเกี่ยวกับหัวข้อทั่ว ๆ ไป เช่น ระบบการศึกษา, สิ่งแวดล้อม ส่วนใหญ่จะเป็นการให้แสดงความคิดเห็น หรือเปรียบเทียบระหว่างสองข้อมูลที่โจทย์ให้ เช่น ระบบการเรียนที่รร. กับการเรียนทางไกล เป็นต้น
- ทั้งสองพาร์ทในส่วน writing จะต้องถูกเขียนแบบภาษาวิชาการ มีรูปแบบที่ถูกต้อง
เคล็ดลับในส่วนนี้
- ส่วนกราฟ…อย่าพยายามเขียนถึงทุกอย่างในกราฟ…แบ่งออกเป็นสามส่วนง่าย ๆ…Intro ประมาณ 30 คำ เขียนว่าเป็นกราฟเกี่ยวกับอะไร (ข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับกราฟ)…เนื้อหา เขียนเปรียบเทียบ และจุดเด่นจุดด้อย (ประมาณ 100 คำ)…สรุป เน้นจุดแตกต่างที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดอีกครั้ง (ประมณ 30 คำ)
- ส่วนที่สอง…เขียนไอเดียคร่าว ๆ ไว้ก่อนว่าจะเขียนอะไรบ้าง (ใช้เวลาประมาณ 10 นาที) ถ้าต้องเปรียบเทียบเรื่องอะไร 2 เรื่อง พยายามให้ความสำคัญทั้งสองส่วนพอ ๆ กัน บอกทั้งข้อดีและข้อเสียของทั้งสองอย่าง…intro ประมาณ 50 คำ เขียนกว้าง ๆ ว่าหัวข้อที่ได้สำคัญยังไง…เช่นตามหัวข้อตย. ก็เขียนว่าปัจจุบัน ระบบการเรียนทางไกลเริ่มใช้แพร่หลายในหลาย ๆ ประเทศ บลา ๆ ๆ ๆ…ในส่วนเนื้อหา (ประมาณ 150 คำ) อาจแบ่งเป็นสองย่อหน้าอีกครั้ง…อาจเขียนได้เป็น ข้อดีของทั้งสองระบบ…กับข้อเสียของทั้งสองระบบ หรือ เขียนถึงระบบแรกหนึ่งย่อหน้า…ระบบที่สองในอีกย่อหน้า (แ้ล้วแต่ความถนัด)…ส่วนสรุป บอกตามความคิดเห็นของเราไปเลย ว่าคิดว่าระบบไหนดีกว่า เพราะอะไร…หรือไม่มีอะไรดีกว่ากัน เพราะอะไร (ต้องให้เหตุผลด้วยเสมอ)
- ฝึกเขียนทุกวัน (หรือบ่อยเท่าที่ทำได้) ส่วนกราฟ อาจท่องจำรูปแบบคร่าว ๆ ไปได้เลย
- ส่วนพาร์ทสอง ฝึกเขียนในหัวข้อต่าง ๆ กัน เพราะปัญหาของหลาย ๆ คน คือไม่รู้จะเขียนอะไรดี (เวลาฝึกอ่าน ลองเอาหัวข้อเหล่านั้นมาเขียนใความคิดตัวเองดูก็ได้)
- ต้องหาคนตรวจให้ (อันนี้สำคัญ…ยากที่จะทำเองได้) เมื่อมีคนแก้ให้ เอามาเขียนใหม่อีกครั้ง(อย่าขี้เกียจ) เพื่อให้สมองจำในแบบที่ถูกต้อง
- ถ้าไม่มั่นใจ อย่าพยายามใช้ศัพท์เฉพาะ (เพราะถ้ามันไปอยู่ผิดที่ ผิดวิธีใช้จะทำให้คะแนนลดลง)
- อย่าเขียนประโยคเดียวสั้น ๆ ทั้งเรื่อง ให้เขียนประโยคยาว ๆ โดยใช้ตัวเชื่อมต่าง ๆ ให้เป็น
Speaking
- ใช้เวลาประมาณ 10-15 นาที แบ่งออกเป็นสามส่วน
- ส่วนแรก เป็นการสนทนาทั่ว ๆ ไป เกี่ยวกับครอบครัว การเรียน การทำงาน ฯลฯ (ประมาณ 5 นาที)
- ส่วนที่สอง จะมีหัวข้อมาให้…ให้เวลาเตรียมตัว 1 นาที และให้พูดตามหัวข้อนั้นประมาณ 2 นาที (ไม่ต้องกลัวว่าถ้าพูดเกินจะถูกหักคะแนน…คนสัมภาษณ์จะบอกเองว่า พอก่อน) อย่าพยายามพูดน้อยกว่า 1 นาทีครึ่ง (อันนี้อาจถูกหักคะแนนได้)
- ส่วนสุดท้าย เป็นการพูดรายละเอียด เกี่ยวกับหัวข้อที่เราเพิ่งพูดจบไป เพื่อให้เราได้แสดงความคิดเห็นในเรื่องนั้น ๆ
- คะแนนในส่วนนี้มาจาก Fluency, Grammatical, Pronunciation,Lexical resource
เคล็ดลับในส่วนนี้
- พยายามพูดกับตัวเอง หรือคนรอบข้างเป็นภาษาอังกฤษ (จะทำให้ระบบสมองคล่องขึ้น ไม่ต้องเสียเวลานึก)
- ลองพูดตาม topic ต่าง ๆ (หาตัวอย่างได้ตามเว็บไอเอลทั่วไป)แล้วเอาเรื่องของเราไปประยุกต์ดู
- เวลาสอบให้ทำตัวตามสบาย อย่าเกร็ง พูดให้เป็นธรรมชาติ (คิดซะว่าเม้าท์กับเพื่อนฝรั่ง ไม่ได้ไปสอบ)
- อย่าเกร็งเรื่องแกรมม่ามาก คะแนนสำคัญมาจากการสื่อสารที่รู้เรื่อง เข้าใจมากกว่า
- ถ้าฟังคำถามไม่เข้าใจ ให้ถามคนสัมภาษณ์เลย อย่าพยายามตอบทั้งที่ไม่รู้ว่าเค้าถามอะไร
- ถ้าฟังไม่ทันที่เขาพูด ขอให้เขาช่วยพูดช้าลงไปเลย อย่ากลัวว่าจะถูกหักคะแนน (ดีกว่าฟังไม่ทันตอบไม่ได้ไปเลย)
โดยรวม
- ตั้งใจอ่านคำสั่งให้ดีทุกพาร์ท
- เปิดดูให้หมดว่าพาร์ทไหนมีข้อสอบกี่ข้อ ต้องตอบกี่คำถามในส่วนนั้น ๆ
- ไปให้ก่อนเวลา จะได้ไม่เหนื่อย ไม่ตื่นเต้น
- แบ่งเวลาในแต่ละส่วนให้ดี (โดยเฉพาะ reading and writing) อย่าเสียเวลากับใดส่วนหนึ่งมากเกินไป ข้อไหนตอบไม่ได้ วงไว้ แล้วข้ามไปก่อนเลย
- พยายามเขียนให้จบท้งสองเรื่อง (มีส่วนต่อคะแนนอย่างมาก)
- ที่เหลือ…สู้ตาย
**เดี๋ยวนี้ writing และ speaking มี 0.5 แล้วค่ะ
IELTS ได้รับความนิยมสูงสุด หนึ่งปีมีผู้สอบหนึ่งล้านคน
เยอรมันทำคะแนนสูงเป็นอันดับหนึ่ง ไทยติดอันดับ 18 ของโลก
ในช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมา มีผู้สมัครสอบ IELTS (The International English Language Testing System) มากกว่าหนึ่งล้านคนทั่วโลก คิดเป็น 2 คนต่อหนึ่งนาที IELTS จึงนับเป็นการทดสอบภาษาอังกฤษที่ได้รับความนิยมสูงสุดเพื่อการศึกษาต่อและสมัครงานในเวลานี้
จากผลสำรวจ พบว่า ผู้สอบจากประเทศเยอรมนีได้คะแนนเฉลี่ยสูงสุดถึง 7.16/9 จากการทดสอบทักษะทั้งสี่ด้าน (การฟัง การอ่านการเขียน และการพูด) รองลงมา คือ ผู้สอบจากประเทศมาเลเซีย ฟิลิปปินส์ รัสเซีย และฮ่องกง ขณะที่ผู้สอบชาวไทยได้คะแนนติดอันดับที่ 18 ของโลก ด้วยคะแนนเฉลี่ย 5.5-6/9 และทำได้ดีด้านการฟังและอ่าน นอกจากนี้ยังพบว่า ผู้สอบเพศหญิงทำคะแนนเฉลี่ยได้ 5.94/9 สูงกว่าผู้สอบเพศชายซึ่งมีคะแนนเฉลี่ยอยู่ที่ 5.74/9
สถานที่สอบ TOEIC ในประเทศไทย
ในประเทศไทย มีศูนย์สอบ TOEIC อยู่สองแห่งคือ
1. Center for Professional Assessment (Thailand)
BB Building, 19th Floor, Suite 1907
54 Asoke Rd., Sukhumvit 21, Bangkok 10110 Tel. 0-2260-7061 begin_of_the_skype_highlighting 0-2260-7061 end_of_the_skype_highlighting, 0-2664-3131 begin_of_the_skype_highlighting 0-2664-3131 end_of_the_skype_highlighting
Fax. 0-2664-3122
Email: cpa@cpathailand.co.th
2. Center for Professional Assessment (Thailand)
(Northern Region)
Nawarat Building, 3rd Floor.
4/6 Kaew Nawarat Rd., Soi 3
Amphur Muang, Chiangmai 50000
Tel. (053) 248-208 begin_of_the_skype_highlighting (053) 248-208 end_of_the_skype_highlighting, 306-600
Email: cpa@cpathailand.co.th
Website: http://www.cpathailand.co.th
ศฯย์สอบ IELTS
British Council สยามแสควร์